วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สายพันธุ์สุนัข

สุนัข(Dog) จัดได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน(ประมาณ 12,000 ปี)
สุนัขพันธุ์ที่เรียกได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ต้นตระกูลคือพันธุ์สุนัขทองที่มี อยู่อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ต่อมามีสุนัขป่าอีกพันธุ์หนึ่งที่มนุษย์นำมาเลี้ยงมีชื่อภาษาละตินว่า Conis Lupees ซึ่งแปลว่าสุนัขป่า สุนัขป่าชนิดนี้จะเชื่องกว่าสุนัขธรรมดา มีขนยาวหางเป็น แผง หูตั้ง กระดูกแก้มโหนก และหางของมันจะเอนขึ้นข้างบน มีนิสัยรักอิสระกว่าสุนัขทอง สุนัขป่านี้เมื่อมาอยู่กับมนุษย์ก็ผสมพันธุ์กับสุนัขทอง ออกลูกหลานสืบมาเป็นสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย พันธุ์สุนัขที่เห็นทุกวันนี้ได้รับเชื้อสายมาจากสุนัขพันธุ์ทองเกือบทั้งหมด

การค้นคว้าวิจัยและศึกษาเรื่องราวของสุนัข ได้มีขึ้นในประเทศอังกฤษ ในแถบยุโลปและอเมริกา จากนั้นได้แพร่หลายไปในหลายๆประเทศทั่วโลก สำหรับในอเมริกาได้มีการจัดตั้งเป็นสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นในปี ค.ศ. 1878 สุนัขพันธุ์แท้ชนิดแรกที่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาคือ สุนัขพันธุ์อิงลิชเซทเตอร์ เช่นเดียวกับในประเทศอังกฤษได้มีก่อตั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นเช่นกันในปี ค.ศ. 1859 ในครั้งแรกสมาคมนี้ได้รับรองให้จดทะเบียนสุนัขพันธุ์แท้ได้ 40 สายพันธุ์ และได้จัดวิธีการรับรองสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสมถึง 2 ครั้ง ต่อมาในปี ค.ศ. 1881 สมาคมนี้ได้ให้การรับรองพันธุ์แท้ต่าง ๆ เพิ่มอีก 6 สายพันธุ์ รวมเป็นจำนวน 46 สายพันธุ์ และในปีค.ศ. 1974 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมการรับรองเป็นสุนัขพันธุ์แท้เป็นครั้งสุดท้าย เพิ่มเป็น 100 สายพันธุ์

American Kennel Club (AKC) หรือ ชุมนุมผู้เลี้ยงสุนัขในสหรัฐอเมริกา ได้จัดแบ่งกลุ่มสุนัขออกเป็น 8 กลุ่มด้วยกันคือ
  1. Sporting Group เป็นกลุ่มสุนัขที่ใช้ในการกีฬา เล่นล่าสัตว์ โดยจะถูกฝึกให้ผู้ช่วยในการล่าสัตว์โดยเฉพาะ มีหน้าที่การค้นหาเหยื่อ และนำเหยื่อกลับมาให้เจ้าของ
    • สเปเนี่ยน เป็นพันธุ์สุนัขที่มีรูปร่างขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เฉลียวฉลาด จมูกรับกลิ่นได้ดี ลักษณะเด่นคือหูยาวตูบ แบ่งย่อยได้เป็น 2 กลุ่มคือ พันธุ์ที่ใช้ล่าสัตว์ และพันธุ์ขนาดเล็ก (ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขที่เลี้ยงไว้ดูเล่น) ในขณะที่มันออกล่าสัตว์ เมื่อมันพบเหยื่อ มันจะพุ่งเข้าโจมตีเหยื่อทันที
    • พอยเตอร์ และเซทเตอร์ เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสเปเนี่ยน ขายาว หูตูบ และจมูกรับกลิ่นได้ดี
    • รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่เป็นมิตร แข็งแรง มีโครงสร้างดี และ มีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์ มันถนัด การค้นหา และนำเหยื่อกลับมาให้เจ้าของ มันมักจะทำงานร่วมกับสุนัขพันธุ์สเปเนี่ยน นอกจากนี้ รีทรีฟเวอร์ยังสามารถว่ายน้ำได้ดี มันจึงมักถูกใช้ในการล่าสัตว์ปีกที่บินอยู่เหนือน้ำ เช่น ห่านป่า เป็นต้น
  2. Hound Group เป็นกลุ่มสุนัขที่เลี้่ยงไว้สำหรับสุนัขล่าเนื้อ โดยสุนัขในกลุ่มนี้จะมีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่ดีมาก มีสรีระร่างกายแข็งแรง สุนัขในกลุ่มนี้สามารถแบ่งออกเป็น
    • กลุ่มสายตาดี เช่น สุนัขพันธุ์ เกรย์ฮาว์น อัฟกัน และ สะลูกี้ สุนัขพวกนี้จะมีความว่องไว วิ่งได้รวดเร็ว และมีสายตาดี สุนัขกลุ่มนี้จะมีรูปร่างสูง และช่วงขายาว
    • กลุ่มประสาทการรับกลิ่นดี เช่น บัสเสทฮาว์น ดัชชุน บีเกิ้ล ฯลฯ สุนัขประเภทนี้จะมีขาสั้นแต่ร่างกายแข็งแรง หัวใหญ่ หูแผ่กว้างใหญ่ และมีประสาทสัมผัสการรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์ถึง 1 ล้านเท่า
  3. Working Group เป็นกลุ่มสุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อทำงาน เช่น เลี้ยงเพื่อเฝ้ายาม สำรวจหาระเบิดในสงคราม ต้อนฝูงสัตว์ ลากสัมภาระ ลากเลื่อนบนหิมะ ตามรอยหาผู้ร้าย และ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

  4. Terrier Group เป็็นกลุ่มสุนัขที่มีขนาดเล็ก สุนัข.oกลุ่มนี้ได้แก่ สุนัขพันธุ์บูลเทอเรีย , ฟอกซ์เทอเรีย, แอร์เดลเทอเรีย เป็นต้น

  5. Toy Group เป็นกลุ่มสุนัขตัวเล็ก หรือเรียกกันว่าสุนัขตุ๊กตา เดิมเป็นสุนัขตัวใหญ่ แต่ถูกพัฒนาพันธุ์จนกลายเป็นสุนัขตัวเล็ก สุนัขประเภทนี้เหมาะสำหรับ เลี้ยงไว้แก้เหงา

  6. Non-Sporting Group เป็นกลุ่มสุนัขนานาประโยชน์ตามแต่เจ้าของจะใช้งาน สุนัขพวกนี้หลาย ๆ พันธุ์มีผู้นิยมซื้อมาเลี้ยงกันมาก

  7. Herding Group เป็นกลุ่มสุนัขที่ใช้ในการคุมฝูงสัตว์ ถือเป็นกลุ่มใหม่ล่าสุดจาการจัดจำแนกของ AKC ซึ่งแต่เดิมสุนัขในกลุ่มนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสุนัขใช้งาน นอกจากนี้แล้วสุนัขในกลุ่มนี้ยังมีสัญชาตญาณคอยดูแลเจ้าของสัตว์ ด้วยความสุภาพ โดยเฉพาะเด็กๆ แต่โดยทั่วๆไปแล้วเป็นสุนัขที่มีความฉลาด เป็นเพื่อนที่ดีและมีความรับผิดชอบ

  8. Miscellaneous Class เป็นกลุ่มสุนัขทั่วไปที่ยังไม่ยอมรับสายพันธุ์ จาก AKC ซึ่งสุนัขในกลุ่มนี้หากเป็นที่ยอมรับก็อาจจะได้จดทะเบียนให้อยู่ในกลุ่มต่างๆที่กล่าวไปได้

1 ความคิดเห็น: